เสียงเป็นสิ่งที่มีอยู่รอบตัว ทั้งเสียงที่ทำให้รู้สึกดี เช่น เสียงเพลง เสียงหัวเราะ หรือเสียงธรรมชาติ กับเสียงที่รบกวนจนทำให้รู้สึกหงุดหงิดหรือเสียสมาธิ เช่น เสียงรถ เสียงกรน หรือเสียงเครื่องจักรดัง ๆ บางครั้งเสียงดังเกินไปอาจทำให้หูเจ็บหรือหูเสื่อมได้ง่าย การใช้ที่อุดหูช่วยลดเสียงรบกวนได้ แต่จะเลือกให้เหมาะกับเสียงแต่ละแบบต้องรู้จักค่า SNR ก่อน เพราะค่า SNR คือค่าที่จะบอกว่าที่อุดหูลดเสียงได้ดีแค่ไหน
ค่า SNR คืออะไร
SNR ย่อมาจากคำว่า Single Number Rating เป็นตัวเลขที่ใช้วัดความสามารถในการป้องกันเสียงของอุปกรณ์ป้องกันเสียง เช่น ที่อุดหู ที่ครอบหู หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ค่านี้บอกเป็นตัวเลขเดียวง่าย ๆ เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจว่าที่อุดหูชิ้นนั้นจะลดเสียงได้ประมาณกี่เดซิเบล (dB) ยิ่งค่า SNR มาก หมายถึงสามารถลดเสียงได้มาก ถ้าค่า SNR น้อย ก็จะลดเสียงได้น้อยกว่า ดังนั้นการอ่านค่า SNR จะช่วยให้เลือกที่อุดหูได้เหมาะกับสถานการณ์ เช่น ห้องนอนที่มีเสียงรบกวนเบา ๆ ก็ไม่ต้องใช้ค่า SNR สูงมาก แต่ในที่เสียงดังมาก เช่น โรงงาน ควรใช้ค่า SNR สูง เพื่อให้หูปลอดภัย
ค่าเดซิเบล คืออะไร
ค่า SNR ใช้หน่วยเดซิเบล (dB) ซึ่งเป็นหน่วยที่บอกระดับความดังของเสียง โดยเสียงที่เบามาก ๆ เช่น เสียงกระซิบจะอยู่ประมาณ 30 dB ส่วนเสียงดัง เช่น รถไฟวิ่งหรือเครื่องจักร อาจดังถึง 90-100 dB ถ้าได้ยินเสียงดังเกิน 85 dB นาน ๆ หูอาจเสื่อมหรือได้ยินเสียงไม่ชัดไปตลอด
วิธีทำงานของที่อุดหูเมื่อมีค่า SNR
เมื่อที่อุดหูมีค่า SNR เช่น 30 dB หมายความว่าถ้าอยู่ในที่เสียงดัง 90 dB แล้วใส่ที่อุดหู จะช่วยลดเสียงลงได้ประมาณ 30 dB เสียงที่ได้ยินจะเหลือประมาณ 60 dB ทำให้หูไม่ต้องเจอเสียงดังเกินไป
อย่างไรก็ตาม ค่านี้เป็นค่าโดยประมาณ เพราะผลจริงอาจขึ้นอยู่กับว่าใส่ถูกวิธีหรือไม่ และรูปทรงของที่อุดหูเหมาะกับรูหูหรือเปล่า ถ้าใส่ไม่สนิท เสียงอาจลอดเข้าไปได้มากขึ้น
ระดับค่า SNR ของที่อุดหูทั่วไป
ที่อุดหูทั่วไปจะมีค่า SNR ประมาณ 20-37 dB โดยแต่ละช่วงเหมาะกับเสียงรบกวนต่างกัน
- SNR 20-25 dB เหมาะสำหรับเสียงรบกวนไม่ดังมาก เช่น เสียงในห้องเรียน เสียงเพื่อนร่วมห้องกรนเบา ๆ หรือเสียงพัดลมตอนนอน ช่วยให้ลดเสียงรอบตัวได้พอสมควร แต่ยังได้ยินเสียงปลุกหรือเสียงเรียกสำคัญ
- SNR 26-30 dB เหมาะกับเสียงรบกวนปานกลางถึงค่อนข้างดัง เช่น เสียงกรนดัง เสียงรถวิ่งบนถนนใหญ่ เสียงเครื่องบินขึ้นลง หรือเสียงพูดคุยในที่สาธารณะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการนอนหลับพักผ่อนให้สนิท
- SNR 31-37 dB เหมาะกับเสียงดังมาก เช่น เสียงเครื่องจักรในโรงงาน เสียงเจาะถนน เสียงคอนเสิร์ต หรือเสียงก่อสร้าง ถ้าอยู่ในที่เสียงดังต่อเนื่องเป็นเวลานาน ค่า SNR สูงจะช่วยป้องกันหูเสียได้ดีขึ้น
ตัวอย่างเสียงรบกวนในชีวิตประจำวัน
การเปรียบเทียบเสียงรอบตัวจะช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าที่อุดหูควรมีค่า SNR เท่าไหร่ เช่น
- เสียงกระซิบ: ประมาณ 30 dB
- เสียงพูดคุยทั่วไป: ประมาณ 50-60 dB
- เสียงรถบนถนนใหญ่: ประมาณ 70-80 dB
- เสียงรถไฟหรือเครื่องบิน: ประมาณ 80-90 dB
- เสียงเครื่องจักรหรือคอนเสิร์ต: อาจเกิน 100 dB
เมื่อรู้ว่าเสียงรอบตัวดังเท่าไหร่ จะเลือกที่อุดหูให้เหมาะได้ง่ายขึ้น
วิธีคำนวณเสียงที่เหลือเมื่อใส่ที่อุดหู
เวลาได้ยินเสียงรบกวนจากรอบตัว เช่น เสียงรถวิ่ง เสียงเครื่องจักร หรือเสียงคนกรน เสียงเหล่านี้จะมีความดังวัดเป็นหน่วย เดซิเบล (dB) ถ้าเสียงดังเกินไปจะทำให้ปวดหัว หูเจ็บ หรือหูเสื่อมได้ ที่อุดหูทำหน้าที่เหมือนประตูปิดเสียง คำว่า ค่า SNR คือ ตัวเลขที่บอกว่าประตูนี้จะช่วยปิดเสียงได้มากแค่ไหน
วิธีคิดแบบง่ายที่สุด
ใช้สูตรง่าย ๆ คือ เสียงเดิม (dB) – ค่า SNR = เสียงที่เหลือ (dB)
ตัวอย่าง:
ถ้าเสียงรบกวนเดิม 90 dB และที่อุดหูมีค่า SNR 30
90 – 30 = 60
แปลว่าที่หูจะได้ยินเสียงเหลือประมาณ 60 dB
ตัวอย่างเปรียบเทียบหลายกรณี
- กรณีเสียงกรนของคนข้าง ๆ สมมติคนข้าง ๆ กรนเสียงดังประมาณ 60 dB ถ้าใช้ที่อุดหู SNR 25
60 – 25 = 35 dB (เสียงจะเบาลงจนเหมือนเสียงพูดกระซิบ ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น) - กรณีเสียงรถบนถนนใหญ่ ถ้าห้องนอนอยู่ใกล้ถนน เสียงรถวิ่งอาจประมาณ 80 dB ถ้าใช้ที่อุดหู SNR 20
80 – 20 = 60 dB (เสียงจะเบาลงเท่ากับเสียงพูดคุยทั่วไป ทำให้นอนได้ไม่รำคาญ) - กรณีอยู่ในโรงงานเสียงดัง ถ้าในโรงงานเสียงเครื่องจักรดัง 100 dB ถ้าใช้ที่อุดหู SNR 35
100 – 35 = 65 dB (เสียงที่เหลือจะใกล้เคียงเสียงพูดคุยธรรมดา ทำให้หูปลอดภัยมากขึ้น)
สิ่งที่ต้องรู้เพิ่ม
- ตัวเลขนี้เป็นค่าประมาณ ถ้าใส่ไม่พอดี หรือใส่ผิดวิธี อาจกันเสียงได้ไม่เต็มตามค่า SNR จริง
- ที่อุดหูบางแบบมีค่า SNR สูง แต่ถ้าไม่เหมาะกับรูหู อาจใส่แล้วเสียงลอดเข้าไปได้
- ไม่ควรใช้ที่อุดหูที่ค่า SNR สูงเกินไปในที่เงียบ เพราะอาจไม่ได้ยินเสียงสำคัญ เช่น เสียงปลุกหรือเสียงเตือน
จำง่าย ๆ การคำนวณเสียงที่เหลือคือการ “ลบออก” จากเสียงเดิม ยิ่ง SNR สูง เสียงที่เหลือจะยิ่งน้อย เสียงที่ได้ยินจะเงียบลง หูจะปลอดภัยขึ้น
เคล็ดลับการเลือกค่า SNR ให้เหมาะสม
การเลือกค่า SNR ไม่ใช่ว่ายิ่งสูงยิ่งดีเสมอ เพราะถ้าเงียบเกินไป อาจไม่ได้ยินเสียงสำคัญ เช่น เสียงนาฬิกาปลุก เสียงคนเรียก หรือเสียงเตือนภัย สิ่งที่ควรพิจารณา เช่น
- ถ้าใช้สำหรับนอน ควรเลือกให้กันเสียงกรนได้พอดี แต่ยังได้ยินเสียงปลุก
- ถ้าใช้ในงานเสียงดังมาก เช่น โรงงาน ควรเลือกสูงสุดเท่าที่หาได้
- ถ้าใช้ระหว่างเดินทาง เช่น บนเครื่องบิน เลือกกลาง ๆ จะทำให้หูสบายขึ้น
ทำไมต้องอ่านค่า SNR ก่อนซื้อที่อุดหู
ที่อุดหูแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ อาจมีรูปร่างเหมือนกัน แต่ค่า SNR ไม่เท่ากัน การดูค่า SNR จะช่วยให้รู้ว่าที่อุดหูนั้นเหมาะกับเสียงรบกวนแบบไหน ช่วยประหยัดเงิน ไม่ซื้อผิดแบบ และใช้งานได้ตรงความต้องการจริง ๆ
ปัจจัยอื่นที่ช่วยให้ที่อุดหูป้องกันเสียงได้ดี
แม้ค่า SNR จะบอกว่ากันเสียงได้มาก แต่ถ้าใส่ไม่ถูกวิธี เสียงก็ยังเข้ามาได้ง่าย เช่น ที่อุดหูแบบโฟมต้องบีบแล้วใส่ให้พอดี ที่อุดหูแบบซิลิโคนต้องปั้นให้แนบรูหู ไม่ให้มีช่องว่าง นอกจากนี้ ขนาดและรูปทรงต้องพอดีกับรูหู ถ้าขนาดใหญ่ไปจะเจ็บหู ถ้าเล็กไปจะไม่ปิดสนิท
สิ่งที่ควรระวังเมื่อใช้ที่อุดหู
- ใส่นานเกินไปอาจทำให้หูอับชื้น
- ถ้าเป็นที่อุดหูแบบโฟม ควรใช้แล้วทิ้ง ไม่ควรใช้ซ้ำ
- ควรฝึกใส่ให้ถูกวิธี เพื่อให้ค่า SNR ที่ได้จากโรงงานใช้ได้จริง
การเข้าใจค่า SNR ช่วยให้เลือกที่อุดหูได้เหมาะกับเสียงรบกวนรอบตัว ใส่ถูกวิธี เลือกขนาดให้พอดี และเปลี่ยนให้สะอาดเสมอ จะช่วยให้หูปลอดภัย ใช้งานได้คุ้มค่าและนอนหลับสบายแม้ในวันที่มีเสียงรบกวนมากแค่ไหน