การนอนกรนเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในหลายคน ซึ่งสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพตัวเองและรบกวนคนรอบข้างได้ การนอนกรนเกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในระบบทางเดินหายใจขณะนอนหลับ เมื่อหายใจไม่สะดวก อากาศที่ผ่านเข้าไปจะทำให้เนื้อเยื่อในลำคอเกิดการสั่นสะเทือน ทำให้เกิดเสียงกรน ซึ่งเสียงกรนสามารถดังถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อการได้ยินและสุขภาพ
เสียงกรนดังกี่เดซิเบล
เสียงกรนที่เกิดขึ้นสามารถดังได้ตั้งแต่ 50-90 เดซิเบล หรือมากกว่านั้น ซึ่งระดับเสียงที่ดังมากกว่านี้เทียบเท่ากับเสียงรถบรรทุกหรือเสียงการจราจรบนถนน ทำให้เสียงกรนกลายเป็นปัญหาที่ไม่เพียงแต่รบกวนคนรอบข้าง แต่ยังอาจส่งผลต่อการนอนหลับที่มีคุณภาพต่ำลง และทำให้เกิดความเครียดหรือความเหนื่อยล้าในวันถัดไป
ผลเสียของการนอนกรนต่อสุขภาพตัวเอง
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea: OSA) : การนอนกรนอาจเป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้การหายใจขาดหายเป็นระยะ ๆ ระหว่างการนอน ภาวะนี้ทำให้สมองและร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยลง ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายประการ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
- คุณภาพการนอนลดลง : การนอนกรนทำให้การหายใจขาดความสม่ำเสมอ ทำให้การนอนหลับไม่ลึกพอและทำให้รู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นขึ้นมา นอกจากนี้ การนอนหลับไม่เต็มอิ่มยังทำให้เกิดความเหนื่อยล้าในระหว่างวัน ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานและประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตประจำวัน
- ผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด : ภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่สัมพันธ์กับการนอนกรนอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะหยุดหายใจเป็นระยะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้
ผลเสียต่อคนข้างๆ
- การรบกวนการนอนหลับ เสียงกรนที่ดังสามารถรบกวนการนอนหลับของคนข้างๆ ได้ ซึ่งอาจทำให้คู่นอนหรือลูกหลานตื่นขึ้นมากลางดึก ทำให้ไม่สามารถนอนหลับได้สนิท เสียงที่ดังถึง 90 เดซิเบลสามารถทำให้คนข้างเคียงต้องทนต่อการนอนหลับที่มีคุณภาพต่ำ ทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและอารมณ์ไม่ดีในวันถัดมา
- ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ การนอนกรนอาจเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรสหรือคู่รัก หากปัญหาเสียงกรนเป็นปัญหาที่รบกวนการนอนหลับอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดความไม่พอใจและอารมณ์เครียดในครอบครัวได้
วิธีป้องกันและการรับมือกับเสียงกรน
- เปลี่ยนท่านอน การนอนหงายอาจทำให้ลิ้นและเนื้อเยื่อในลำคอหย่อนลงมาขวางทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการกรนได้ การนอนตะแคงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาการกรนได้ เนื่องจากจะช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดกว้างมากขึ้นและลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในลำคอ
- ควบคุมน้ำหนัก น้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการนอนกรน เนื่องจากไขมันส่วนเกินในลำคออาจทำให้ทางเดินหายใจแคบลง การควบคุมน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายและการกินอาหารที่สมดุลจะช่วยลดปัญหาการกรนได้
- การใส่ที่อุดหู ก่อนใส่ที่อุดหู ควรทำความสะอาดมือและหูให้เรียบร้อย จากนั้นบีบโฟมที่อุดหูให้แบนๆแล้วดันเข้าไปในรูหูอย่างช้า ๆ จนกระทั่งแน่นสนิท เพื่อให้สามารถป้องกันเสียงได้ดีที่สุด
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้กล้ามเนื้อในลำคอหย่อนลงมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดการกรนได้ การหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ก่อนนอนจะช่วยลดโอกาสในการนอนกรนและทำให้การนอนหลับมีคุณภาพมากขึ้น
- รักษาอาการภูมิแพ้ การอุดตันของทางเดินหายใจจากอาการภูมิแพ้สามารถเพิ่มโอกาสในการกรนได้ การรักษาอาการภูมิแพ้ด้วยยาหรือวิธีการที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหาการกรนได้
- ใช้เครื่องมือช่วยหายใจ เครื่องช่วยหายใจ (CPAP) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยควบคุมการหายใจให้สม่ำเสมอในขณะนอนหลับ โดยเครื่องนี้จะส่งลมเข้าไปในทางเดินหายใจเพื่อช่วยป้องกันการอุดตันและลดการกรน โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- การรักษาทางการแพทย์ หากการกรนเป็นปัญหาที่รุนแรงและส่งผลต่อสุขภาพ การไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรับคำแนะนำในการรักษาเป็นสิ่งที่ควรทำ การรักษาทางการแพทย์เช่น การผ่าตัด หรือการใช้ยาพ่นจมูกอาจช่วยลดปัญหาการกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การนอนกรนสามารถส่งผลเสียได้ทั้งต่อสุขภาพของผู้กรนเองและรบกวนการนอนหลับของคนรอบข้าง การดูแลตัวเองและการรักษาปัญหาการกรนจะช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพดีขึ้น