วิธีการอ่านค่าการป้องกันเสียง SNR และ NRR เพื่อเลือกที่อุดหูให้เหมาะสม และตรงตามความต้องการมากที่สุด

การใช้ที่อุดหูเป็นสิ่งที่ช่วยให้การนอนหลับ หรือการอยู่ในที่เสียงดังปลอดภัยขึ้น เพราะเสียงดังมากเกินไปจะทำให้หูเสียหรือปวดหัวได้ง่าย การเลือกที่อุดหูที่เหมาะสมไม่ได้ดูแค่ขนาดหรือรูปทรงเพียงอย่างเดียว แต่ต้องรู้วิธีอ่านค่าที่เกี่ยวกับการป้องกันเสียงด้วย ค่าที่มักเห็นบ่อยบนกล่องหรือฉลากของที่อุดหูคือ SNR และ NRR สองค่านี้สำคัญมาก เพราะช่วยให้รู้ว่าที่อุดหูสามารถลดเสียงได้มากน้อยแค่ไหน และเหมาะกับการใช้งานแบบใด

ความหมายของเสียงรบกวน และการป้องกันเสียง

เสียงรบกวน คือเสียงที่ดังเกินไปจนทำให้รู้สึกไม่สบาย หรือรบกวนเวลาทำกิจกรรม เช่น เสียงกรน เสียงรถวิ่ง เสียงก่อสร้าง หรือเสียงเครื่องจักร การได้ยินเสียงดังเกินไปนาน ๆ จะทำให้หูเสื่อมหรือหูอื้อได้ การใช้ที่อุดหูจะช่วยลดเสียงเข้ามาในหูให้น้อยลง เพื่อให้หูได้พักและป้องกันอันตราย

ค่าการป้องกันเสียงคืออะไร

ค่าการป้องกันเสียง คือ ตัวเลขที่บอกว่าที่อุดหูหรืออุปกรณ์ป้องกันเสียง สามารถ ลดเสียงดังรบกวนได้มากแค่ไหน หน่วยที่ใช้วัดคือ เดซิเบล (dB) ซึ่งเป็นหน่วยวัดความดังของเสียง ยิ่งตัวเลขเดซิเบลมาก หมายถึงเสียงดังมาก ถ้าตัวเลขเดซิเบลน้อย หมายถึงเสียงเบา

ตัวอย่างเช่น

  • การพูดคุยธรรมดา ประมาณ 50-60 dB
  • รถยนต์วิ่งบนถนนเสียงดัง 70-80 dB
  • เครื่องจักรหรือเสียงเจาะถนน อาจดังถึง 100 dB

ถ้าได้ยินเสียงดังเกิน 85 dB ต่อเนื่องนาน ๆ อาจทำให้หูเสียหรือหูอื้อได้ง่าย การมีค่าการป้องกันเสียงจะช่วยให้รู้ว่าที่อุดหูอันนี้ช่วยลดเสียงได้เท่าไร และเมื่อใส่แล้วจะเหลือเสียงเข้าหูมากน้อยแค่ไหน

ค่าการป้องกันเสียงทำงานยังไง

เวลาที่อุดหูถูกใส่เข้าไปในหู จะช่วยปิดทางที่เสียงจะผ่านเข้าไปได้ โฟมหรือซิลิโคนในที่อุดหูจะทำหน้าที่เหมือนกำแพงกั้นเสียง ตัวเลข SNR หรือ NRR จะบอกว่ากำแพงนี้แข็งแรงแค่ไหน เช่น

  • SNR 30 หมายถึงสามารถลดเสียงได้ประมาณ 30 dB
  • ถ้าเสียงรอบข้าง 90 dB เมื่อใส่แล้วอาจเหลือแค่ 60 dB

การลดเสียงแบบนี้จะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้น ไม่รำคาญ ไม่ปวดหู และยังช่วยให้หูปลอดภัยเมื่ออยู่ในที่เสียงดัง

ทำไมต้องรู้ค่าการป้องกันเสียง

หลายคนอาจคิดว่าแค่ใส่ที่อุดหูก็เงียบพอแล้ว แต่ความจริงเสียงรบกวนมีหลายแบบ ทั้งเสียงเบา เสียงดัง หรือเสียงสูงต่ำไม่เท่ากัน ถ้าเลือกที่อุดหูที่มีค่าการป้องกันเสียงน้อยไป อาจกันเสียงได้ไม่พอ แต่ถ้าเลือกที่มีค่าการป้องกันเสียงสูงเกินไป ก็อาจไม่ได้ยินเสียงสำคัญ เช่น เสียงปลุกหรือเสียงเตือนภัย

  • ดังนั้นการดูค่าการป้องกันเสียงจึงช่วยให้เลือกได้เหมาะสมตามสถานการณ์ เช่น
  • ใช้นอนข้างคนกรนเสียงดัง เลือก SNR 20-30 ก็พอ
  • ทำงานที่เสียงเครื่องจักร ควรใช้ SNR 30 ขึ้นไปเพื่อป้องกันหูเสื่อม

ค่าการป้องกันเสียงช่วยให้เลือกง่ายขึ้น

บนกล่องหรือซองที่อุดหูส่วนใหญ่จะมีตัวเลขบอกไว้ ทำให้ไม่ต้องเดาเองว่ากันเสียงได้ดีแค่ไหน เพียงแค่รู้ว่าที่ใช้งานมีเสียงดังประมาณเท่าไร แล้วเลือกให้พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป การเข้าใจค่าการป้องกันเสียงจะช่วยให้ใช้ที่อุดหูได้อย่างปลอดภัย หูไม่เสี่ยงอักเสบ และยังนอนหรือทำงานได้อย่างสบายใจทุกครั้ง

ความแตกต่างของ SNR และ NRR

ที่อุดหูจะมีการระบุค่าการป้องกันเสียงด้วยระบบวัด 2 แบบ คือ

  1. SNR (Single Number Rating): SNR เป็นค่ามาตรฐานที่ใช้ในยุโรปและประเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่ ตัวเลขจะบอกว่าที่อุดหูสามารถลดเสียงได้กี่เดซิเบล เช่น SNR 30 หมายถึง ถ้าอยู่ในที่เสียงดัง 90 dB ใส่แล้วจะเหลือเสียงประมาณ 60 dB ในหูจริง ๆ ค่า SNR จะใช้คำนวณง่าย ๆ เป็นการประมาณค่าลดเสียงโดยรวม เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการตัวเลขเดียวเพื่อเปรียบเทียบง่าย
  2. NRR (Noise Reduction Rating): NRR เป็นค่าที่นิยมใช้ในอเมริกา มีวิธีการวัดคล้ายกัน แต่จะมีการคิดลดเพิ่มเพื่อความปลอดภัย ตัวอย่างเช่น NRR 30 ไม่ได้หมายความว่าจะลดเสียงได้ตรง ๆ 30 dB เสมอ เพราะในการใช้จริง ต้องมีการปรับค่านิดหน่อยเพื่อให้ใกล้เคียงสถานการณ์จริง โดยจะใช้สูตรง่าย ๆ คือ (NRR – 7) ÷ 2 เช่น ถ้า NRR 30 → (30 – 7) ÷ 2 = 11.5 หมายถึงใช้จริงจะช่วยลดเสียงประมาณ 11.5 dB เท่านั้น

ทำไม SNR กับ NRR ถึงไม่เท่ากัน

เพราะวิธีการทดสอบห้องแล็บและวิธีการคิดคำนวณแตกต่างกัน SNR จะวัดจากหูหลายรูปแบบรวมกัน แต่ NRR จะคิดเผื่อว่าผู้ใช้ใส่ผิดวิธีหรือใส่ไม่พอดี ค่า NRR จึงมักดูน้อยกว่า SNR ในสินค้าชนิดเดียวกัน ตัวเลขที่ต่างกันไม่ใช่ว่าอันไหนดีกว่ากัน แต่ต้องรู้ว่าควรใช้ค่ามาตรฐานแบบใด เพราะแต่ละประเทศจะบังคับใช้ไม่เหมือนกัน

ค่าที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานต่าง ๆ

การเลือกค่าการป้องกันเสียงต้องดูว่าต้องใช้ในสถานที่แบบใด เพราะแต่ละสถานการณ์เสียงดังไม่เท่ากัน ตัวอย่างเช่น

  • นอนข้างคนกรนเสียงดัง เสียงกรนอาจอยู่ประมาณ 50-70 dB ควรเลือก SNR หรือ NRR ที่ประมาณ 20-30 เพื่อให้เสียงเงียบลงจนไม่รบกวนการนอน แต่ไม่ควรเลือกสูงเกินไป เพราะอาจไม่ได้ยินเสียงปลุก
  • อยู่ในงานก่อสร้างหรือโรงงาน เสียงเครื่องจักรอาจเกิน 85-100 dB ถ้าต้องทำงานในพื้นที่แบบนี้ ควรเลือก SNR หรือ NRR ระดับ 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันเสียงทำลายหู และควรใส่ให้ถูกวิธีทุกครั้ง
  • ใช้ระหว่างเดินทาง เสียงบนเครื่องบินอาจอยู่ที่ 80-85 dB ถ้าใช้ที่อุดหูเพื่อพักผ่อนบนเครื่องบิน เลือก SNR หรือ NRR 20-30 ก็เพียงพอ ไม่ต้องสูงมากนัก

ตัวอย่างการเปรียบเทียบค่า

สมมติที่อุดหู 2 แบบ

  • แบบ A : SNR 37
  • แบบ B : NRR 32

ถ้าอยู่ในที่เสียงดัง 100 dB

  • แบบ A → 100 – 37 = เหลือประมาณ 63 dB
  • แบบ B → (32 – 7) ÷ 2 = 12.5 → 100 – 12.5 = เหลือประมาณ 87.5 dB

จะเห็นว่าค่า SNR กับ NRR ใช้เทียบตรง ๆ กันไม่ได้ ต้องคำนวณตามสูตรของแต่ละมาตรฐานด้วย

วิธีอ่านฉลากที่อุดหู

ที่อุดหูจะมีฉลากบอกทั้ง SNR และ NRR หรืออาจมีแค่ค่าหนึ่งตามมาตรฐานที่ผลิต การอ่านฉลากให้ดูสิ่งเหล่านี้

  1. ดูค่าตัวเลข SNR หรือ NRR ยิ่งสูง ยิ่งกันเสียงได้มาก
  2. ดูคู่มือการใส่ เพราะถ้าใส่ไม่ถูกวิธี ค่าการป้องกันเสียงจะลดลง
  3. บางยี่ห้อจะมีค่าป้องกันเสียงตามช่วงเสียง เช่น เสียงต่ำ เสียงกลาง เสียงสูง ให้ดูด้วยว่าค่าป้องกันตรงกับเสียงที่อยากป้องกันหรือไม่

เคล็ดลับใส่ที่อุดหูให้ได้ประสิทธิภาพจริง

แม้ค่าการป้องกันเสียงจะสูง แต่ถ้าใส่ผิดจะกันเสียงไม่ได้เต็มที่ วิธีใส่ที่ถูกต้อง เช่น ที่อุดหูแบบโฟมต้องบีบให้เล็กก่อน ใส่เข้าไป แล้วรอให้โฟมขยายตัวจนพอดีกับรูหู ส่วนแบบซิลิโคนต้องปั้นหรือกดให้แนบกับช่องหูพอดี ไม่ให้มีช่องว่าง ถ้าใส่แล้วหลวม เสียงจะลอดเข้าไปได้ จึงต้องฝึกใส่ให้ชินทุกครั้ง

สิ่งที่ควรระวังเมื่อใช้ที่อุดหู

ที่อุดหูมีประโยชน์มาก แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง

  • ไม่ควรใส่นานเกินไปถ้าไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้หูอับชื้น
  • เปลี่ยนใหม่อยู่เสมอ โดยเฉพาะที่อุดหูแบบโฟม ใช้แล้วควรทิ้งเพื่อป้องกันเชื้อโรค
  • เลือกขนาดและรูปทรงให้เหมาะกับรูหู เพื่อป้องกันการเจ็บหรือใส่แล้วหลุดง่าย

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ SNR และ NRR

บางคนเข้าใจผิดว่าที่อุดหูค่าป้องกันเสียงสูงสุดจะดีที่สุดเสมอ แต่ความจริง ถ้าใช้ในที่เงียบอยู่แล้วอาจไม่จำเป็น เพราะจะทำให้ไม่ได้ยินเสียงสำคัญ เช่น เสียงปลุก เสียงเรียก หรือเสียงเตือนภัย ควรเลือกให้พอดี เพื่อให้ได้ยินสิ่งสำคัญเมื่อจำเป็น

การเลือกที่อุดหูที่เหมาะสมไม่ใช่แค่ดูว่ากันเสียงได้มากแค่ไหน แต่ต้องรู้วิธีอ่านค่า SNR และ NRR ให้ถูกต้อง เลือกตามสถานการณ์เสียงรอบตัว และใส่ให้ถูกวิธีเสมอ จะช่วยให้หูปลอดภัย นอนหลับสบาย และใช้ที่อุดหูได้อย่างคุ้มค่าและปลอดภัยที่สุด

Facebook
Twitter
Email
การได้ยิน เป็นหนึ่งในการรับรู้ผ่านระบบประสาทสัมผัสทั้ง 5 แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่เสียงทุกชนิดที่ได้ยิน จะเป็นมิตรกับระบบประสาทหู เนื่องจากเสียงที่เกิดจากแหล่งกำเนิดเสียงบางชนิด และมีระดับความดังเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
อ่าน: 1633 ครั้ง
ที่อุดหูมีวัสดุหลายแบบ เช่น โฟม ซิลิโคนปั้นได้ ซิลิโคนขึ้นรูป และขี้ผึ้ง วัสดุแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ช่วยกันเสียงรบกวนได้มากน้อยไม่เท่ากัน ควรเลือกให้เหมาะกับหูและสถานการณ์ ใส่ถูกวิธี รักษาความสะอาด จะช่วยป้องกันหูและใช้งานได้ปลอดภัย
อ่าน: 32 ครั้ง
การใช้ที่อุดหูอย่างถูกวิธี การเลือกขนาดที่เหมาะสม ช่วยลดเสียงรบกวนโดยไม่ทำร้ายหู หากใช้ผิดวิธีอาจทำให้เจ็บหู ระคายเคือง หรือดันสิ่งสกปรกเข้าไปลึก วิธีใส่และถอดที่ถูกต้องช่วยป้องกันอันตรายและยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ได้
อ่าน: 141 ครั้ง

ที่อุดหู Pocket รุ่น Classic Soft ขนาดมาตรฐานใส่สบาย คืนตัวช้า มีความนุ่มสูงสุด ใช้งานง่าย ลดเสียงได้ดีมาก ที่อุดหูนอนหลับ

  • ป้องกันเสียงรบกวนได้ 38 dB (SNR)
  • ขนาด 24.5 x 13 มิลลิเมตร
  • รูปทรงมาตรฐานใช้งานง่ายสบาย
ราคา
Pocket LINE QR Code
(มี @ นำหน้าด้วยนะคะ)